วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรื่องที่ 6 หน่วยประมวลผลกลางและความจำหลัก

 
||||||||หน่วยความจำหลัก
         คือ หน่วยความจำที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรง หน่วยความจำ ชนิดนี้จะเก็บข้อมูล และชุดคำสั่งในระหว่างประมวลผล และมีกระแสไฟฟ้า เมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลในหน่วย ความจำนี้จะหายไปด้วย หน่วยความจำหลักที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน เป็นชนิดที่ทำมาจากสารกึ่งตัวนำ หน่วยความจำชนิดนี้มีขนาดเล็ก ราคาถูก แต่เก็บข้อมูลได้มาก และสามารถให้หน่วยประมวลผลกลาง นำข้อมูลมาเก็บ และเรียกค้นได้อย่างรวดเร็ว
         เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องอาศัยหน่วยความจำหลัก เพื่อใช้เก็บข้อมูลและคำสั่ง ซีพียูจะทำหน้าที่นำคำสั่ง จากหน่วยความจำหลัก มาแปลงความหมายแล้วกระทำตาม เมื่อทำเสร็จก็จะนำผลลัพธ์มาเก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก ซีพียูจะกระทำตามขั้นตอนเช่นนี้เป็นวงรอบเรื่อยๆ ไปอย่างรวดเร็ว เรียกการทำงานลักษณะนี้ว่า วงรอบคำสั่ง (Execution cycle)
         จากการทำงานเป็นวงรอบของซีพียูนี้เอง การอ่านเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำหลัก จะต้องทำได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันการทำงานของซีพียู โดยปกติุุถ้าให้ซีพียูทำงานที่มีความถี่ของสัญญาณนาฬิกา 2,000 เมกะเฮิรตซ์ หน่วยความจำหลักที่ใช้ทั่วไปมักจะมีความเร็วไม่ทันช่วงติดต่ออาจมีเพียง 100 เมกะเฮิรตซ์
         หน่วยความจำหลักที่ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ จึงต้องกำหนดคุณลักษณะในเรื่องช่วงเวลาเข้าถึงข้อมูล (Accesss time) ค่าที่ใช้ทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ 60 นาโนวินาที ถึง 125 นาโนวินาที (1 นาโนวินาทีเท่ากับ 10 ยกกำลัง -9 วินาที) แต่อย่างไรก็ตาม มีการพัฒนาให้หน่วยความจำ สามารถใช้กับซีพียูที่ทำงานเร็วขนาด 33 เมกะเฮิรตซ์ โดยการสร้าง หน่วยความจำพิเศษมาึคั่นกลางไว้ ซึ่งเรียกว่า หน่วยความจำแคช (cache memory) ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่เพิ่มเข้ามา เพื่อนำชุดคำสั่ง หรือข้อมูลจากหน่วยหลักมาเก็บไว้ก่อน เพื่อให้ซีพียูเรียกใช้ได้เร็วขึ้น
แบ่งตามลักษณะการเก็บข้อมูล
1.หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile memory)          คือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้ว หากไฟฟ้าดับ คือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้ กับวงจรหน่วยความจำ ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด
2. หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile memory)         คือ หน่วยความจำเก็บข้อมูลได้ โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร

แบ่งตามสภาพการใช้งาน
1. หน่วยความจำที่ซีพียูอ่านได้อย่างเดียว
           ไม่สามารถเขียนลงไปได้ เรียกว่า รอม (Read Only Memory : ROM)
รอมจึงเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมไว้ถาวร เช่นเก็บโปรแกรมควบคุม การจัดการพื้นฐานของระบบ ไมโครคอมพิวเตอร์ (bios) รอม ส่วนใหญ่เป็นหน่วยความจำไม่ลบเลือนแต่อาจยอมให้ผู้พัฒนาระบบ ลบข้อมูลและ เขียนข้อมูลลงไปใหม่ได้ การลบข้อมูลนี้ต้องทำด้วยกรรมวิธีพิเศษ เช่น ใช้แสงอุลตราไวโลเล็ตฉายลงบนผิวซิลิกอน
หน่วยความจำประเภทนี้ มักจะมีช่องกระจกใสสำหรับฉายแสงขณะลบ และขณะใช้งานจะมีแผ่นกระดาษทึบ
ปิดทับไวเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า อีพร็อม (Erasable Programmable Read Only Memory : EPROM)

2. หน่วยความจำที่เขียนหรืออ่านข้อมูลได้

           การเขียนหรืออ่านจะเลือกที่ตำแหน่งใดก็ได้ เราเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า แรม (Random Access Memory: RAM) แรมเป็น หน่วยความจำแบบลบเลือนได้
          เป็นหน่วยความจำหลักที่สามารถนำโปรแกรม และข้อมูลจากอุปกรณ์ภายนอก หรือหน่วยความจำรองมาบรรจุไว้ หน่วยความจำแรมนี้ต่างจากรอมที่สามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีไฟฟ้าเลี้ยงวงจรอยู่เท่านั้น หากปิดเครื่องข้อมูล จะหายได้หมดสิ้น เมื่อเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง จึงจะนำข้อมูลหรือโปรแกรมมาเขียนใหม่อีกครั้ง
          หน่วยความจำแรมมีขนาดแตกต่างกันออกไป หน่วยความจำชนิดนี้บางครั้งเรียกว่า read write memory ซึ่งหมายความว่า ทั้งอ่านและบันทึกได้ หน่วยความจำเป็บแรมที่ใช้อยู่สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. ไดนามิกแรมหรือดีแรม (Dynamic RAM : DRAM)
          DRAM จะทำการเก็บข้อมูลในตัวเก็บประจุ ( Capacitor ) ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการ refresh เพื่อ เก็บข้อมูลให้
คงอยู่ โดยการ refresh นี้ ทำให้เกิดการหน่วงเวลาขึ้นในการเข้าถึงข้อมูล และก็เนื่อง จากที่มันต้อง refresh ตัวเองอยู่ตลอดเวลานี้เอง จึงเป็นเหตุให้ได้ชื่อว่า Dynamic RAM ปัจจุบันนี้แทบจะหมดไปจากตลาดแล้ว
          ปัจจุบันมีการคิดค้นดีแรมขึ้นใช้งานอยู่หลายชนิด เทคโนโลยีในการพัฒนาหน่วยความจำประเภทแรม เป็นความพยายามลดเวลา ในส่วนที่สองของการอ่านข้อมูล นั่นก็คือช่วงวงรอบการทำงาน ดังนี้         
           Fast Page Mode DRAM (FPM DRAM)
               FPM นั้น ก็เหมือนๆกับ DRAM เพียงแต่ว่า มันลดช่วงการหน่วงเวลาในขณะเข้าถึงข้อมูลลง ทำให้มัน มีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสูงกว่า DRAM ปกติ โดยที่สัญญาณนาฬิการปกติในการเข้าถึงข้อมูล จะเป็น 6-3-3-3 ( Latency เริ่มต้นที่ 3 clock พร้อมด้วย 3 clock สำหรับการเข้าถึง page ) และสำหรับระบบแบบ 32 bit จะมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุด 100 MB ต่อวินาที ส่วนระบบแบบ 64 bit จะมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดที่ 200 MB ต่อวินาที เช่นกันครับ ปัจจุบันนี้ RAM ชนิดนี้ก็แทบจะหมดไปจากตลาดแล้ว แต่ก็ยังคงเห็นได้บ้างและมักจะมีราคา ที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ RAM รุ่นใหม่ๆ เนื่องจากที่ว่า ปริมาณที่มีในท้องตลาดมีน้อยมาก ทั้งๆที่ ยังมีคนที่ต้องการใช้ RAM ชนิดนี้อยู่
           Extended-Data Output (EDO)
               DRAM หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ Hyper-Page Mode DRAM ซึ่งพัฒนาขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยการที่มันจะอ้างอิงตำแหน่ง ที่อ่านข้อมูลจากครั้งก่อนไว้ด้วย ปกติแล้วการดึงข้อมูลจาก
RAM ณ ตำแหน่งใดๆ มักจะดึงข้อมูล ณ ตำแหน่งที่อยู่ใกล้ๆ จากการดึงก่อนหน้านี้ เพราะงั้น ถ้ามีการอ้างอิง ณ ตำแหน่งเก่าไว้ก่อน ก็จะทำให้ เสียเวลาในการเข้าถึงตำแหน่งน้อยลง และอีกทั้งมันยังลดช่วงเวลาของ CAS latency ลงด้วย และด้วยความสามารถนี้ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลดีขึ้นกว่าเดิม กว่า 40% เลยทีเดียว และมีความ สามารถโดยรวมสูงกว่า FPM กว่า 15%
              EDO จะทำงานได้ดีที่ 66MHz ด้วย Timming 5-2-2-2 และ ก็ยังทำงานได้ดีเช่นกันถึงแม้จะใช้งานที่ 83MHz ด้วย Timming นี้ และหากว่า chip EDO นี้ มีความเร็วที่สูงมากพอ ( มากกว่า 50ns ) มันก็สามารถใช้งานได้ ณ 100 MHz ที่ Timming 6-3-3-3 ได้อย่างสบาย อัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดของ DRAM ชนิดนี้อยู่ที่ 264M ต่อวินาที
              EDO RAM เองก็เช่นกัน ณ ปัจจุบันนี้ ก็หาได้ค่อนข้างยากแล้วในท้องตลาด เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต หยุดผลิต หรือ ผลิตในปริมาณน้อยลงแล้ว เพราะหันไปผลิต RAM รุ่นใหม่ๆ แทน ทำให้ราคาเมื่อเทียบเป็น เมกต่อเมก กับ SDRAM จึงแพงกว่า

Burst EDO (BEDO) DRAM
               BEDO ได้เพิ่มความสามารถขึ้นมาจาก EDO เดิม คือ Burst Mode โดยหลังจากที่มันได้ address ที่ต้องการ address แรกแล้ว มันก็จะทำการ generate อีก 3 address ขึ้นทันที ภายใน 1 สัญญาณนาฬิกา ดังนั้นจึงตัดช่วงเวลาในการรับ address ต่อไป เพราะฉะนั้น Timming ของมันจึงเป็น 5-1-1-1 ณ 66 MHz
               BEDO ไม่เป็นที่แพร่หลาย และได้รับความนิยมเพียงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องมาจากว่าทาง Intel ตัดสินใจใช้ SDRAM แทน EDO และไม่ได้ใช้ BEDO เป็นส่วนประกอบในการพัฒนา chipset ของตน ทำให้บริษัทผู้ผลิตต่างๆ หันมาพัฒนา SDRAM กันแทน
           Synchronous DRAM (SDRAM)
               SDRAM นี้ จะต่างจาก DRAM เดิม ตรงที่มันจะทำงานสอดคล้องกับสัญญาณนาฬิกา สำหรับ DRAM เดิมจะทราบตำแหน่งที่จะอ่าน ก็ต่อเมื่อเกิดทั้ง RAS และ CAS ขึ้น แล้วจึงทำการ ไปอ่านข้อมูล โดยมีช่วงเวลาในการ
เข้าถึงข้อมูล ตามที่เราๆมักจะได้เห็นบน chip ของตัว RAM เลย เช่น -50 , -60, -80 โดย -50 หมายถึง ช่วงเวลา
เข้าถึง ใช้เวลา 50 นาโนวินาทีเป็นต้น แต่ว่า SDRAM จะใช้สัญญาณนาฬิกาเป็นตัวกำหนดการทำงาน โดยจะใช้ความถี่
ของสัญญาณเป็นตัวระบุ SDRAM จะทำงานตามสัญญาณนาฬิกาขาขึ้น เพื่อรอรับตำแหน่งที่ต้องการให้มันอ่าน
แล้วจากนั้น มันก็จะไปค้นหาให้ และให้ผลลัพธ์ออกมา หลังจากได้รับตำแหน่งแล้ว เท่ากับ ค่า CAS เช่น CAS 2 ก็คือ หลังจากรับตำแหน่งที่จะอ่านแล้ว มันก็จะให้ผลลัพธ์ออกมา ภายใน 2 ลูกของสัญญาณนาฬิกา
               SDRAM จะมี Timming เป็น 5-1-1-1 ซึ่งแน่นอน มันเร็วพอๆ กันกับ BEDO RAM เลยทีเดียว แต่ว่ามันสามารถ ทำงานได้ ณ 100 MHz หรือ มากกว่า และมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 528 M ต่อวินาที
           DDR SDRAM ( หรือ ที่เรียกกันว่า SDRAM II )
               DDR DRAM นี้ แยกออกมาจาก SDRAM โดยจุดที่ต่างกันหลักๆ ของทั้งสองชนิดนี้คือ DDR SDRAM นี้ สามารถที่จะใช้งานได้ทั้งขาขึ้น และ ขาลง ของสัญญาณนาฬิกา เพื่อส่งถ่ายข้อมูล นั่นก็ทำให้อัตราส่งถ่ายเพิ่มได้ถึงเท่าตัว ซึ่งจะมีอัตราส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดถึง 1 G ต่อวินาทีเลยทีเดียว
           Rambus DRAM (RDRAM)
               ชื่อของ RAMBUS เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท RAMBUS Inc. ซึ่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่ยุค 80 แล้ว เพราะฉะนั้น ชื่อนี้ ก็ไม่ใช่ชื่อที่ใหม่อะไรนัก โดยปัจจุบันได้เอาหลักการของ RAMBUS มาพัฒนาใหม่ โดยการลด pin, รวม static buffer, และ ทำการปรับแต่งทาง interface ใหม่ DRAM ชนิดนี้ จะสามารถทำงานได้ทั้งขอบขาขึ้นและลง ของสัญญาณนาฬิกา และ เพียงช่องสัญญาณเดียว ของหน่วยความจำแบบ RAMBUS นี้ มี Performance มากกว่าเป็น
3 เท่า จาก SDRAM 100MHz แล้ว และ เพียงแค่ช่องสัญญาณเดียวนี้ก็มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดถึง 1.6 G ต่อวินาที               ถึงแม้ว่าเวลาในการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มของRAMชนิดนี้จะช้า แต่การเข้าถึงข้อมูลแบบต่อเนื่องจะเร็วมากๆ ซึ่งหากว่า RDRAM นี้มีการพัฒนา Interface และ มี PCB ที่ดีๆ แล้วละก็ รวมถึง Controller ของ Interface ให้สามารถใช้งานมันได้ถึง 2 ช่องสัญญาณแล้วหล่ะก็ มันจะมีอัตราส่งถ่ายข้อมูลเพิ่มเป็น 3.2 G ต่อวินาทีและหากว่า
สามารถใช้งานได้ถึง 4 ช่องสัญญาณ ก็จะสามารถเพิ่มไปถึง 6.4 G ต่อวินาที มหาศาลเลย
2. Static Random Access Memory (SRAM)
              จะต่างจาก DRAM ตรงที่ว่า DRAM จะต้องทำการ refresh ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะที่ SRAM จะเก็บข้อมูลนั้นๆ ไว้ และจะไม่ทำการ refresh โดยอัตโนมัติ ซึ่งมันจะทำการ refresh ก็ต่อเมื่อ สั่งให้มัน refresh เท่านั้น ซึ่งข้อดีของมัน ก็คือความเร็ว ซึ่งเร็วกว่า DRAM ปกติมาก แต่ก็ด้วยราคาที่สูงกว่ามาก จึงเป็นข้อด้อยของมันเช่นกัน
 
3.น่วยความจำความเร็วสูง (Cache Memory)
              หน่วยความจำแคช เป็นหน่วยความจำขนาดเล็กที่มีความเร็วสูง ทำหน้าที่เหมือนที่พักคำสั่ง และข้อมูลระหว่าง การทำงาน เพื่อให้การทำงานโดยรวมเร็วขึ้น แบ่งเป็นสองประเภท คือ แคชภายใน (Internal Cache) และแคชภายนอก (External Cache) โดยแคชภายใน หรือ L1 หรือ Primary Cache เป็นแคชที่อยู่ในซีพียู ส่วนแคชภายนอก เป็นชิปแบบ SRAM ติดอยู่บนเมนบอร์ด ทำงานได้ช้ากว่าแบบแรก แต่มีขนาดใหญ่กว่า เรียกอีกชื่อได้ว่า L2 หรือ Secondary Cache
 
 
เมนบอร์ด (Main board)
              เป็นอุปกรณ์ภายใจเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่รวมองคืประกอบ ของคอมพิวเตอร์ทุกหน่วย เข้าด้วยกัน เป็นเหมือนศูนย์กลางของระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากอุปกรณ์ทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยรับเข้า หน่วยแสดงผล หน่วยความจำหลัก หรือหน่วยความจำรอง ต้องถูกนำมาเชื่อมกับเมนบอร์ด จึงจะทำงานได้
               เราจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียม Mainboard ให้ตรงกับ CPU ที่ใช้ ซึ่ง Mainboard ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
ส่วนใหญ่จะเป็นประเภท ATX กันหมดแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาดูว่า Mainboard แบบใดจึงจะเป็น Mainboard ที่จะเลือกมาใช้ในการประกอบเครื่องคอมฯของเรา โดยมีหลักในการเลือก Mainboard ดังนี้
ประการแรก ::>มื่อเราพิจารณาแล้วว่าจะใช้ CPU จากค่ายใหนเราก็เลือกใช้
MainBoard ที่สนับสนุน CPU นั้นโดยอาจต้องคำนึงถึง ชื่อของผู้ผลิต MainBoard ด้วย
เพราะถึงแม้ว่าจะใช้ ChipSet เดียวกัน มีคุณสมบัติเหมือนกันแต่ก็มีประสิทธิภาพที่ต่างกันอีก
ทั้งยังมีเสถียรภาพที่ต่างกันด้วย ซึ่งในเรื่องของ เสถียรภาพนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการเลือก
MainBoard เพราะ MainBoard มีเสถียรภาพต่ำก็จะทำให้เครื่องคอมฯของเราหยุดทำงานบ่อย
โดยไม่ทราบสาเหตุ
ประการที่สอง ::>ส่วนการที่จะพิจารณาว่าจะเลือก MainBoard แบบ All in One คือ Mainboard ที่มีทั้ง Card แสดงผล และ Sound Card บน Board บางรุ่นมี Modem และ
LAN Card บน Card ด้วย กับแบบที่ไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่เลยอย่างใหนดีกว่ากัน นั้นจำเป็น
ต้องพิจารณาในเรื่องของราคาเป็นหลักเพราะ Mainboard ที่เป็นแบบ All in One นั้นจะมีราคาถูกกว่า MainBoard ที่ไม่มีอุปกรณ์ แต่สิ่งที่เราจะต้องสูญเสียไปคือการที่มีจำนวน Slot ที่จะใช้ในการเพิ่มเติมอุปกรณ์ลดน้อยลง อีกทั้งในเรื่องของเสถียรภาพของ Board แบบ
All in One จะต่ำกว่าแบบไม่มี และยังยากแก่การ Upgrade (การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่อง)
 

เรื่องที่ 5 อุปกรณ์รับเข้าข้อมูล

Input device
อุปกรณ์นำข้อมูลเข้า ทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล ซึ่งอาจจะเป็นรูปภาพ ตัวอักษร เสียง หรือ วีดีโอ อุปกรณ์นำข้อมูลเข้าที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน เช่น เมาส์ ( mouse) , คีย์บอร์ด (Keyboard) , ปากกาแสง ( Light Pen) , ไมโครโฟน ( Microphone) , สแกนเนอร์ (Scanner)
อุปกรณ์นำข้อมูลเข้า

Signatures and thumbprints can now be captured by a single biometric input device, new ePad-i.d. from Interlink Electronics

NEW INPUT DEVICE CAPTURES BOTH SIGNATURES AND THUMBPRINTS
FOR BIOMETRICALLY-SECURE DOCUMENT PROCESSING
A new input device, ePad-i.d., is the first to accept both handwritten signatures and thumbprints for electronic document security applications, the manufacturer reports. The integrated, low profile PC input device has been introduced in Europe by Interlink Electronics, Inc. It uses the company's patented VersaPad technology to capture handwritten signature and fingerprint biometrics.

ePad-i.d. gives government agencies and the financial, insurance and retail industries an important new tool to automate the signing of electronic documents while achieving compliance with increasingly stringent customer identification rules.

"European government institutions and businesses increasingly require both signatures and thumbprints on transactions and legal documents," says Rod Vesling, Interlink VP Marketing. "And ePad-i.d. allows them to accomplish both with a single device for the first time."

Applications requiring both electronic signatures and thumbprints include: automation of secure documents and transactions; identification systems including (in some European countries) driver's license programs; consumer check cashing; and high-security network access systems.

PYXLPOINT TWO HANDED INPUT DEVICE
Here we have an input device designed for detailed mousing, perfect for PhotoShop and Illustrator users. Point with precision, select commands with touch sensitivity and get more cursor control for your movement.

เรื่องที่ 4 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนด้วยกัน คือ
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

  • ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คือลักษณะทางกายของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย
    • หน่วยรับข้อมูล ( input unit )
    • หน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรือ CPU
    • หน่วยความจำหลัก
    • หน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit )
    • หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage unit )
    หน่วยรับข้อมูล จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้น หน่วยประมวลผลกลาง จะนำไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ผู้ใช้รับทราบทาง หน่วยแสดงผลลัพธ์
    หน่วยความจำหลัก จะทำหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชั่วคราวที่มีขนาดไม่สูงมากนัก การที่ฮาร์ดแวร์จะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ส่วนการทำงานได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยู่กับหน่วยความจำหลักของเครื่องนั้น ๆ ข้อเสียของหน่วยความจำหลักคือ หากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในหน่วยความจำหลักจะหายไป ในขณะที่ข้อมูลอยู่ที่ หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง จะไม่สูญหายตราบเท่าที่ผู้ใช้ไม่ทำการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็ยข้อมูลสำรองยังมีความจุที่สูงมาก จึงเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรือเก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง ข้อเสียของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองคือการเรียกใช้ข้อมูลจะช้ากว่าหน่วยความจำหลักมาก
ฮาร์ดแวร์ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์

  • ซอฟต์แวร์ (Software) คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทำงานใดๆ เนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา
    ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ
    • ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software )
    • ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
ซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคุมทำงานต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการทำงานอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการได้ต่อไป ส่วน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทำงานต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
ซอฟต์แวร์ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์

  • บุคลากร (Peopleware) เครื่องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรียกบุคลากรเหล่านี้ว่า ผู้ใช้ หรือ ยูเซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องใช้ผู้ควบคุม อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ก็ยังคงต้องถูกออกแบบหรือดูแลรักษาโดยมนุษย์เสมอ
    ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็นหลายระดับ เพราะผู้ใช้คอมพิวเตอร์บางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรียกกลุ่มนี้ว่า เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user)
    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผู้ที่ได้ศึกษาวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก นักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไป
    บุคลากรก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถึงการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุปลักษณะงานได้ดังนี้
    • การดำเนินงานและเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลงสื่อ หรือส่งข้อมูลเข้าประมวล หรือควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล (Data Entry Operator) เป็นต้น
    • การพัฒนาและบำรุงรักษาโปรแกรม เช่น เจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application Programmer) เจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรม (System Programmer) เป็นต้น
    • การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล เช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบงาน (System Analyst and Administrator) วิศวกรระบบ (System Engineer) เจ้าหน้าที่จัดการฐานข้อมูล (Database Adminstrator) เป็นต้น
    • การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบทางฮาร์ดแวร์ เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการทำงานระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Operator) เป็นต้น
    • การบริหารในหน่วยประมวลผลข้อมูล เช่น ผู้บริหารศูนย์ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (EDP Manager) เป็นต้น

  • ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) ในการทำงานต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ซึ้งในปัจจุบันมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นข้อมูลในการดัดแปลงข้อมูลให้ได้ประสิทธิภาพโดยแตกต่างๆระหว่าง ข้อมูล และ สารสนเทศ คือ
    ข้อมูล คือ ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไม่ผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน
สารสนเทศเป็นสิ่งที่ผู้บริหาารนำไปใช้ช่วยในการตัดสินใจ โดยที่สารสนเทศที่มีประโยชน์นั้นจะมีคุณสมบัติ ดังตาราง
มีความสัมพันธ์กัน (relevant)สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
มีความทันสมัย (timely)ต้องมีความทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานได้ทันทีเมื่อต้องการ
มีความถูกต้องแม่นยำ (accurate)เมื่อป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์และผลลัพธ์ที่ได้จะต้องถูกต้องในทุกส่วน
มีความกระชับรัดกุม (concise)ข้อมูลจะต้องถูกย่นให้มีความยาวที่พอเหมาะ
มีความสมบูรณ์ในตัวเอง (complete)ต้องรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้อย่างครบถ้วน

คุณสมบัติของสารสนเทศที่มีประโยชน์


การเปลี่ยนรูปจากข้อมูลสู่สารสนเทศ

  • กระบวนการทำงาน (Procedure)
กระบวนการทำงานหรือโพรซีเยอร์ หมายถึง ขั้นตอนที่ผู้ใช้จะต้องทำตาม เพื่อให้ได้งานเฉพาะอย่างจากคอมพิวเตอร์ซึ่งผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องรู้การทำงานพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ ถ้าต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้
  1. จอภาพแสดงข้อความเตรียมพร้อมที่จะทำงาน
  2. สอดบัตร และพิมพ์รหัสผู้ใช้
  3. เลือกรายการ
  4. ใส่จำนวนเงินที่ต้องการ
  5. รับเงิน
  6. รับใบบันทึกรายการ และบัตร
การใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ นั้นมักจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานด้วย จึงต้องมีคู่มือการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เช่น คู่มือสำหรับผู้ควบคุมเครื่อง (Operation Manual) คู่มือสำหรับผู้ใช้ (User Manual) เป็นต้น

เรื่องที่ 3 การประยุคต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
          การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ได้มีการนำมาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทำงาน การศึกษาหาความรู้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันดีขึ้น นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีสารสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการติดต่อประสานงานกับทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางด้านการโรงแรม และการท่องเที่ยว ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และบริการลูกค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันเหตุการณ์ ประยุกต์ใช้ในงานด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้สำหรับการเรียนการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง สอนด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ห้องเรียนสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีระบบการอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบต่าง ๆ รูปแบบของสื่อที่นำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน ก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน อิเล็กทรอนิกส์บุค วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสืบค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
          ปัจจุบันได้มีการนำคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทุกวงการ ทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหน่วยงานด้านการศึกษาก็มีความตื่นตัวและเปิดทำการเรียนการสอนในหลักสูตรดังกล่าว ทั้งในระดับ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และเป็นสาขาวิชาที่มีนักศึกษา ให้ความสนใจ กันมากเนื่องจากยังมีตลาดแรงงานรองรับมากนั่นเอง

เรื่องที่ 2 ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์

ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์

ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 6 ส่วน คือ
                1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ หน่วยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพ์และอุปกรณ์อื่น ๆ ฮาร์ดแวร์จะทำงานตามโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้น
              2. ซอฟต์แวร์ (Software) บางครั้งเรียกว่า โปรแกรม (program) หรือชุดคำสั่ง วัตถุประสงค์หลักของซอฟต์แวร์ที่สังให้ฮาร์ดแวร์ทำงานคือ การประมวลผลข้อมูล (data) ให้เป็นสารสนเทศ (information)
              3. ข้อมูลหรือสารสนเทศ (data หรือ infomation) ในการประมวลผลข้อมูล คอมพิวเตอร์จะประมวลผลตามข้อมูลหรือข้อสนเทศที่ป้อนเข้า
สู่หน่วยรับข้อมูล ดังนั้น ข้อมูลจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ ถ้าข้อมูลที่ป้อนเข้าไปมีความ
ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้จะมีความถูกต้องเชื่อถือได้
 ข้อมูล (data) หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ได้จากการรวบรวม ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ หรือเสียง เพื่อให้ระบบ
คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผลให้ได้สารสนเทศ

               สารสนเทศ (information) หมายถึง สิ่งที่ได้จากกาประมวลผลแล้ว ซึ่งในบางครั้ง สารสนเทศอาจจะเป็นข้อมูลเพื่อการประมวลผล
ให้ได้ข้อสนเทศอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น คะแนนสอบของนักเรียน เป็นข้อมูล เมื่อผ่านกระบวนการตัดเกรด จะได้เกรดเป็นสารสนเทศ และเมื่อนำ
เกรดของนักเรียนไปหาค่าเฉลี่ย เกรดของนักเรียนจะเป็นข้อมูล และสารสนเทศที่ได้คือเกรดเฉลี่ย (GPA)
                 4. ผู้ใช้ (User) การทำงานของคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีผู้ใช้สั่งงาน แต่ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์บางชนิด ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตามการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหญ่แล้วยังต้องการมนุษย์เป็นผู้สั่งงานเสมอ
                       5. กระบวนการทำงาน (procedure) เป็นขั้นตอนการทำงานเพื่อ
ให้ได้ผลลัพธ์หรือข้อสนเทศจากคอมพิวเตอร์ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์
จำเป็นต้องที่ผู้ใช้จะต้องเข้าใจขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน เช่น การถอนเงินด้วย
เครื่องฝาก – ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) จะต้องมีขั้นตอนหรือกระบวนการทำงานดังนี้ (วาสนา สุขกระสานติ, 2541)
          1. จอภาพแสดงความพร้อมเพื่อการทำงาน
          2. สอดบัตรและป้อนรหัสผู้ใช้
          3. เลือกรายการทำงาน
          4. ใส่จำนวนเงิน
          5. รับเงิน
           6. รับบัตรคืนและใบบันทึกรายการ
                ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ปกติจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน ดังนั้นจำเป็นต้องมีคู่มือปฏิบัติงานที่ชัดเจน
               6. บุคลากรทางสารสนเทศ (information system personnel) เป็นส่วนที่สำคัญของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำงานร่วมกับผู้ใช้ (user) อย่างใกล้ชิดเพื่อการพัฒนาระบบให้ตรงความต้องการของผู้ใช้

เรื่องที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
รูปแสดงการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม

นักเรียนลองจินตนาการดูว่า นักเรียนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านใดบ้างจากตัวอย่างต่อไปนี้ เมื่อตื่นนอนนักเรียนอาจได้ยินเสียงจากวิทยุ ซึ่งกระจายเสียงข่าวสารหรือเพลงไปทั่ว นักเรียนใช้โทรศัพท์สื่อสารกับเพื่อน ดูรายการทีวี วีดีโอเมื่อมาโรงเรียนเดินทางผ่านถนนที่มีระบบไฟสัญญาณที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าไปศูนย์การค้า ขึ้นลิฟต์ ขึ้นบันไดเลื่อนซึ่งควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ที่บ้านนักเรียน นักเรียนอาจอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ คุณแม่ทำอาหารด้วยเตาอบซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า จะเห็นว่าชีวิตในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอันมาก อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนประกอบในการทำงาน

พุทธชยันตี

พุทธ ช ยัน ตี ๒๖๐๐ ปี แห่ง การ ตรัสรู้


 


นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาส
ในวันวิสาขบุชาถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งทาง พุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน และในปีนี้หลายคนคงได้ยินคำ ๆ หนึ่งทางสื่อต่าง ๆ คำนั้นก็คือ “พุทธชยันตี” แล้วรู้ไหมครับว่า พุทธชยันตี นี้มีความหมาย และความสำคัญอย่างไร เรามาดูกันดีกว่าครับ
พุทธชยันตี หรือ สัมพุทธชยันตีเป็น เทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนาเถรวาท ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับวันวิสาขบูชา คำว่า พุทธชยันตี มาจากศัพท์ พุทธ+ชยันตี ที่แปลว่า วันครบรอบในภาษาสันสกฤต พุทธชยันตีจึงแปลว่า การครบรอบวันเกิดของพระพุทธเจ้า หรือวันครบรอบชัยชนะของพระพุทธเจ้าก็ได้
โดยคำนี้ใช้เรียกการจัดกิจกรรมในปีที่ครบรอบวาระสำคัญของพระพุทธเจ้า เช่น ครบรอบ 2500 ปี แห่งปรินิพพาน หรือ 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ โดยอาจใช้ชื่อต่างกันไปบ้างในแต่ละประเทศ เช่น ศรีสัมพุทธชันตี สัมพุทธชยันตี แต่ทั้งหมดก็คือการจัดกิจกรรมพุทธชยันตี เพื่อมุ่งหมายการถวายเป็นพุทธบูชาในปีที่ครบรอบวาระสำคัญของพระพุทธเจ้านั่น เอง
พุทธชยันตี เป็นคำที่ใช้ทั่วไปในประเทศ ศรีลังกา อินเดีย พม่า และผู้นับถือพระพุทธศาสนาในประเทศอื่น ๆ บางประเทศ โดยใช้คำนี้ในการจัดกิจกรรมวิสาขบูชา โดยวัตถุประสงค์ของพุทธชยันตีในประเทศต่าง ๆ มุ่งการจัดกิจกรรมเป็นวาระพิเศษตลอดทั้งปีนั้น เช่น การจัดกิจกรรมพุทธบูชา การปฏิบัติธรรม และการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธเจ้าในวัน วิสาขบูชานั่นเอง
ในส่วนของประเทศไทย ในสมัยของรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ได้มีการฉลองเนื่องในโอกาสพุทธชยันตีนี้ ด้วย โดยจัดเป็นงานฉลองทางพระพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย มีการจัดสร้างพุทธมณฑล การประกาศให้วันธรรมสวนะเป็นวันหยุดราชการ มีการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม พระราชบัญญัติล้างมลทิน มีการออกประกาศพระบรมราชโองการ พระราชทานบริเวณสนามหลวงเป็นสังฆปริมณฑลสำหรับจัดงานฉลองในครั้งนี้เป็นการ ชั่วคราวด้วย
นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลยังได้ออกพระราชบัญญัติเหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เป็นกรณีพิเศษด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประเทศไทยที่รัฐบาลมีการออกเหรียญที่ระลึก และแพรแถบ เนื่องในโอกาสสำคัญทางศาสนา อย่างไรก็ดี การจัดงานครั้งนั้นในประเทศไทย ได้ใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “งานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ” ทำให้คำว่า “พุทธชยันตี” ไม่แพร่หลายในประเทศไทยเหมือนประเทศอื่น ๆ
ปีพุทธศักราช 2555 นี้ นับเป็นปีที่สำคัญต่อพระพุทธศาสนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำคัญต่อปวงชนชาวไทย ในฐานะที่เป็นผู้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาไว้เป็นศาสนาประจำจิตประจำใจ จนเป็นศาสนาประจำชาติ เนื่องในโอกาสที่พระพุทธศาสนามีอายุมาครบ 2600 ปีนับแต่การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้บรมศาสดา ผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนา
ในปีพุทธศักราช 2555 นี้ พุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้มีการเฉลิมฉลองโดยร่วมกันทำสักการบูชาในพระสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นกันทั่วหน้า เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณูปการที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทานแสงสว่างให้แก่ ชีวิตและโลกด้วยพระมหากรุณาอันหาประมาณมิได้ ปวงชนชาวไทยพุทธเราก็พร้อมจิตพร้อมใจกันทำการฉลองโดยทั่วหน้า
ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org และ http://www.onab.go.th/

ที่มาและความสำคัญ พุทธชยันตี (बुद्ध जयंती, Buddha Jayanti) เป็นชื่อเรียกงานเฉลิมฉลองหรือพิธีบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในวาระแห่ง การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาในประเทศไทยนั่นเอง พุทธชยันตีนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาวพุทธนานาชาติอย่างในประเทศศรีลังกา อินเดีย พม่า เป็นต้น โดยเฉพาะในช่วงการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ.2500 (ถือกันว่าเป็นกึ่งพุทธกาล) แต่สันนิษฐานว่ามีการเริ่มต้นงานเฉลิมฉลองพุทธชยันตีนี้ ภายหลังจากที่ประเทศศรีลังกาได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษในปี พ.ศ.2491 และจากการที่ ดร.อัมเบดการ์ (Dr. Babasaheb Bhimrao Ramji Ambedkar) ได้ฟื้นฟูพุทธสาสนาในประเทศอินเดีย โดยมีการนำชาวอินเดียประมาณ 2 แสนคนปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2499 (อินเดีย ศรีลังกา นับเป็นพ.ศ.2500 เร็วกว่าไทย 1 ปี) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 25 พุทธศตวรรษ นอกจากนี้รัฐบาลประเทศอินเดียยังได้สร้างสวนสาธารณะพุทธชยันตีไว้ที่กรุงนิ วเดลีเพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับวาระนี้ด้วย สำหรับรัฐบาลไทย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 25 พุทธศตวรรษ ด้วยการสร้างพุทธมณฑลเป็นอนุสรณ์สถาน ประกาศให้พุทธสาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ โดยกำหนดให้วันพระหรือวันธรรมสวนะเป็นวันหยุดราชการ (ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2499) และมีการพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาไทยครบชุดฉบับแรก เป็นต้น สำหรับการเฉลิมฉลองในระดับนานาชาตินั้น รัฐบาลพม่าได้เป็นเจ้าภาพในการจัด “ฉัฏฐสังคีติ” คือการสังคายนาพระไตรปิฎกระดับนานาชาติ โดยทางพม่านับเป็นการสังคายนาครั้งที่ 6 แล้วได้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกบาลีและคัมภีร์ทั้งหลายขึ้นเป็นจำนวนมาก

 

พุทธชยันตีหมายความว่าอะไร?

พุทธชยันตี โดยรากศัพท์ของคำว่าชยันตีมาจากคำว่า “ชย” คือชัยชนะ อันหมายถึงชัยชนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวง อย่างสิ้นเชิง อันทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นในโลก พุทธชยันตีจึงมีความหมายว่าเป็น การตรัสรู้ และ การบังเกิดขึ้น ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ในปัจจุบันพุทธชยันตียังถูกตีความในความหมายถึงชัยชนะของพุทธสาสนาและชาว พุทธด้วย เช่น การได้รับเอกราชและมีสิทธิในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเป็นครั้งแรกของชาว พุทธในประเทศศรีลังกา การฉลองปีใหม่ชาวพุทธโดยไม่มีเหล้าสุรายาเสพติดสิ่งมึนเมาทั่วทั้งประเทศศรี ลังกา การเอาชนะสิ่งเลวร้ายในสังคมจนทำให้ประเทศศรีลังกามีสถิติอาชญากรรมต่ำมากๆ

 

2,600 ปีตรัสรู้คำนวนอย่างไร?

สำหรับวาระสำคัญในปีปัจจุบันเนื่องในมหาธัมมาภิสมัย พุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้นั้น ถ้าถือตามหลักการคำนวณปีพุทธศักราชแบบไทยอยู่ในช่วงระหว่าง วิสาขบูชา 2554 – วิสาขบูชา 2555 ทั้งนี้ ในวันวิสาขบูชา 2554 ที่ผ่านมานี้ (17 พ.ค.2554) เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ 2599 ปีเต็ม และเริ่มเข้าสู่ปีที่ 2,600 แห่งการตรัสรู้ โดยคำนวณจากการนำปีพุทธศักราชที่เริ่มนับหลังจากการปรินิพพาน บวกด้วย 45 อันเป็นจำนวนพรรษาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดำเนินพุทธกิจ ภายหลังการตรัสรู้จวบจนเสด็จดับขันธปรินิพพาน (สูตรการคำนวณ จำนวนปีการตรัสรู้ = ปี พ.ศ. + 45) ดังนั้นในวันวิสาขบูชาปีพ.ศ.2555 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ครบ 2,600 ปีบริบูรณ์ ในประเทศต่างๆ ที่มีชาวพุทธเข้มแข็งได้ประกาศให้มีการเฉลิมฉลองในวาระนี้เป็นเวลา 3 ปี (2553-2555) ดังเช่นในประเทศศรีลังกา พม่า อินเดียเป็นต้นได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างตื่นตัวและยิ่งใหญ่ ที่สำนักงานใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ก็มีการจัดงานฉลองใหญ่ในช่วงวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย ได้มีการจัดงานในระดับภาคประชาชนกว่า 2 ปีที่ผ่านมาในวงจำกัด ส่วนในระดับรัฐบาล สมควรที่รัฐบาลไทยจะประกาศให้มีการเฉลิมฉลองใหญ่ตลอดปีพุทธศักราช 2555 นี้ อย่างเป็นทางการ

 

เฉลิมฉลองพุทธชยันตีรัฐบาลควรทำอะไรบ้าง?

เนื่องในโอกาสนี้ เครือข่ายพุทธชยันตี-สังฆะเพื่อสังคม ได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐบาลให้จัดงานเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ เพื่อให้เกิดชัยชนะแห่งศีลธรรมของชาวพุทธอันเป็นสารัตถะของการปฏิบัติบูชา โดยแท้ จึงมีข้อเรียกร้อง ดังนี้

๑. ขอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน สั่งการและสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการและดำเนินการจัดงานอย่างจริงจังทั้งในระดับประเทศ ระดับท้องถิ่น และระดับสากล

๒. การจัดงานในครั้งนี้ขอให้มีการเน้นหนักใน การปฏิบัติบูชา และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติธรรมในหมู่พุทธศาสนิกชน และมุ่งให้มีการฟื้นฟูวิถีชาวพุทธตั้งแต่ระดับครอบครัวและชุมชนอย่างจริงจัง และให้เกิดการสืบต่ออย่างต่อเนื่องและยั่งยืนเป็นวิถีชีวิตอย่างแท้จริง อันจะเป็นการเสริมสร้างความรักและสามัคคีของคนในชาติ ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับสังคมประเทศชาติ ตามหลักอปริหานิยธรรม

๓. ให้ผู้นำทั้งในภาคการเมืองและภาคราชการ ได้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนตามวิถีชาวพุทธ อย่างเช่น การนำครอบครัวเข้าวัดปฏิบัติธรรม ทำบุญร่วมกัน ในวันพระ-วันหยุด

๔. กำหนดนโยบายและขอความร่วมมือให้สื่อสารมวลชนของรัฐและภาคเอกชน ได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและร่วมปฏิบัติบูชาในโอกาสการ เฉลิมฉลองพุทธชยันตีนี้

๕. สำหรับปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ นี้ให้ถือว่า การปฏิบัติบูชาของพุทธศาสนนิกชนทั่วประเทศในโอกาสพุทธชยันตีนี้ เป็นการทำบุญประเทศไทยร่วมกัน เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลวโรกาส ๘๔ พรรษา จึงเรียกชื่องานว่า “พุทธชยันตีเฉลิมราช

 

ภาคประชาชนควรปฏิบัติบูชาอย่างไร?

นอกจากนี้ทางเครือข่ายพุทธชยันตี สังฆะเพื่อสังคม ยังได้ประสานกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อประสานงานขอความเมตตาจากมหาเถรสมาคมให้พิจารณาแนวทางการเฉลิมฉลอง ปฏิบัติบูชาในหมู่ประชาชนเนื่องในธัมมาภิสมัยพุทธชยันตีนี้ จนสำเร็จเป็น มติมหาเถรสมาคม ที่ ๑๓/๒๕๕๔ ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ สรุปเป็นแนวทางปฏิบัติได้ 3 ประการ ดังนี้

(๑) สื่อสารวันพระให้เป็นวันแห่งสติ

คิดค้นวิธีการสื่อสารความดี ให้คนได้ระลึกถึงวันพระในทุกๆ วันพระ เพื่อสร้างให้ชาวพุทธเกิดการเรียนรู้โดยรวมทั้งสังคมไทย ให้เกิดความตระหนักและรู้ในทุกวันพระ ทำให้วันพระเป็นวันแห่งสติของสังคมไทย เดือนละ ๔ ครั้ง หรือ ปีละประมาณ ๕๐ ครั้ง

(๒) ครอบครัวทำบุญร่วมกันทุกสัปดาห์ (ฟื้นวิถีบุพเพสันนิวาส-เติมบุญให้ครอบครัว)

มีกิจกรรมในระดับครอบครัวของตนเองหรือระดับส่วนบุคคล ที่ทำให้ได้ทำบุญ หรือเรียนรู้ธรรมะร่วมกัน หรือเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ทุกวันเสาร์ ทุกวันอาทิตย์ หรือทุกวันพระ ตามความสะดวกและเหมาะสม ประมาณปีละ ๕๐ ครั้ง

(๓) ทำบุญใหญ่ร่วมกันทุกวันเพ็ญ

มีกิจกรรมการแสดงออกร่วมกัน ถึงการทำบุญกุศลครั้งใหญ่ ละบาปอกุศลความชั่วครั้งใหญ่ ในระดับหมู่ของครอบครัว ชุมชน หรือหน่วยงานองค์กรของตนเอง ในทุกๆ วันพระที่เป็นวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนละ ๑ ครั้ง หรือ ปีละ ๑๒ ครั้ง

 

ด้วยอานิสงส์แห่งการอนุโมทนาชัยชนะแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยอามิสบูชาและ การปฏิบัติบูชาพุทธชยันตีนี้ จงเป็นพลวปัจจัยนำพาให้เกิดชัยชนะต่ออุปสรรคขวากหนามความเลวร้ายทั้งหลายใน สังคมไทย ให้พ้นจากภาวะวิกฤติแห่งบ่วงอกุศลกรรมที่จวนเจียนจะหายนะนี้ ไปสู่ความสุขความเจริญงอกงามได้อย่างยั่งยืนของประชาชน-ประเทศชาติไทยเทอญ

 

ขอขอบพระคุณเอื้อเฝื้อข้อมูล

ฐิตวํโส ภิกฺขุ

เลขานุการเครือข่ายพุทธชยันตี-สังฆะเพื่อสังคม



รัฐบาลเจ้าภาพ-ฉลองปี “พุทธชยันตี”

นาแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เพื่อหารือแนวทางในการจัดกิจกรรมวันวิสาขบูชาโลก พ.ศ. ๒๕๕๕ เนื่องในปีพุทธชยันตี ครบรอบ ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า เนื่องจากในปี ๒๕๕๕ จะเป็นปีครบ ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ดังนั้นจึงควรจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งทางรัฐบาลจะรับเป็นเจ้าภาพ และกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ

โดยจะให้ ๓ องค์กร คือ สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กรมการศาสนา (ศน.) และมหาจุฬาฯ (มจร.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน มีส่วนร่วม รวมทั้งพิจารณาใช้สถานที่ในการจัดงาน เช่น เมืองทองธานี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงาน ในการประชุมยังเห็นตรงกันว่าในการจัดงานดังกล่าวจะต้องจัดให้เกิดเรื่องราว ความทรงจำ ความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมงาน

กิจกรรมที่กำหนดไว้เบื้องต้นคือ การวางศิลาฤกษ์ สร้างอาคารสำนักงานพระพุทธศาสนาโลก จัดทำพระไตรปิฎกฉบับสากล จัดทำรายการตำราทางพระพุทธศาสนา และจัดทำเหรียญวิสาขบูชาโลก ประจำปี ๒๕๕๕ เพื่อเป็นที่ระลึกโดยขอความร่วมมือจากวัดที่มีศักยภาพเป็นเจ้าภาพในการจัดทำ เหรียญดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นเหรียญพระพุทธเจ้าในปางลีลา หรือปางสมาธิ พร้อมกันนี้ให้มีการประสานงานกับกระทรวงวัฒนธรรมในการจัดหาการแสดงทาง วัฒนธรรม และภาพยนตร์ที่ส่งเสริมกิจการทางพระพุทธศาสนา นอก จากนี้ให้ประสานความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนสาขาพระพุทธศาสนาในการ จัดประชุมวิชาการ โดยให้ มหาจุฬาฯ เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนการปฏิบัติบูชาของพุทธศาสนิกชนให้เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติธรรม ทั้งนี้เบื้องต้นกำหนดไว้ว่ากิจกรรมดังกล่าวทั้งหมดจะจัดขึ้นตลอดเดือน มิถุนายน ๒๕๕๕ เนื่องจากวันวิสาขบูชา ๒๕๕๕ จะตรงกับวันที่ ๔ มิ.ย. ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องที่ 6 หน่อยประมวลผลกลางและความจำหนัก

เรื่องที่ 5 อุปกรีณ์รับเข้าข้อมูล

เรื่องที่ 4 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

เรื่องที่ 3 การประยุกค์ใช้เทคโนโลยัสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

เป่าดับ7อาข่าขนยา

เป่าดับ7อาข่าขนยา


มีอาก้า-ระเบิดปะทะสนั่นยึดยาบ้า5แสนไอซ์70กก.

ตำรวจ ปส.-ตชด.ปะทะเดือดกลางป่าบนดอยสูง จับตายแก๊งอาข่าคาราวานขนยานรก 7 ศพ ลักลอบขนยาเสพติดทั้งยาไอซ์ ยาบ้าเข้าประเทศ ชุดปฏิบัติการดักซุ่มขอตรวจค้นกลับสาดอาวุธสงครามและระเบิดถล่มใส่เสียงดังหูดับตับไหม้ จนเกิดยิงปะทะดุเดือดร่วมชั่วโมง กลุ่มคนร้ายถูกยิงตาย 7 ศพ ยึดยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ดกับยาไอซ์ 70 กก. หลังเกิดเหตุ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุทันที

กำลังตำรวจ ปส.-ตชด.ปะทะเดือดจับตายคาราวานขนยานรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 16 ก.ค.กำลังตำรวจ ปส.นำโดย พ.ต.ท.กฤษดา ศรีอิสาณ สว.กก.2 บก.3 บช.ปส.นำกำลังร่วมกับ ตชด.จำนวน 40 นาย ซึ่งได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ให้สกัดแก๊งคาราวานขนยาเสพติด เนื่องจากได้รับรายงานว่าจะมีคาราวานชาวอาข่าขนยาเสพติดจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศผ่านแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ระหว่างบ้านห้วยน้ำริน-ดอยตุง หมู่6 บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย อยู่ตรงข้ามกับบ้านสามปี จ.ท่าขี้เหล็ก ฝั่งพม่า

หลังได้รับคำสั่ง พ.ต.ท.กฤษดา นำกำลังดักซุ่มตามจุดที่คาดว่าแก๊งขนยาจะผ่านที่บ้านผาหมี กระทั่งพบกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 20 คน พร้อมอาวุธสงครามเดินสะพายเป้คนละใบเดินลัดเลาะมาจากฝั่งพม่ามุ่งหน้ามายังจุดที่ดักซุ่ม พอได้จังหวะเจ้าหน้าที่ตะโกนสั่งให้กลุ่มชายทั้งหมดให้วางอาวุธเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มคนร้ายกลับยิงอาวุธสงครามเข้าใส่เจ้าหน้าที่พร้อมขว้างระเบิดเสียงดังสนั่นดอยจนชุดปฏิบัติการต้องโดดหลบหาที่กำบังกายกันโกลาหลและเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดนานนับชั่วโมงจนเสียงปืนเงียบหายไป แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้เกรงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นป่าเขาและมืด

ต่อมาเวลา 07.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.สาธิต เกศานนท์ รอง ผบก.ตชด.ภาค 3 และคณะเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พบศพคาราวานในชุดสีดำกับชุดลายพราง นอนตายระเกะระกะในพื้นที่ป่าทั้งหมด 7 ศพ แต่ละศพถูกยิงเข้าตามลำตัวหลายแห่ง เบื้องต้นคาดว่าทั้งหมดเป็นชาวอาข่า  และยังมีรอยเลือดไหลหยดเป็นทางจำนวนมากคาดว่ากลุ่มคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บอีกหลายคนก่อนพากันหลบหนีออกไปทางฝั่งพม่า

ในที่เกิดเหตุพบเป้สะพายหล่นกระจัดกระจาย 9 ใบ ตรวจสอบข้างในมียาเสพติดอัดแน่นแบ่งเป็นยาบ้า 5.2 แสนเม็ดจากทั้งหมด 6 เป้ และอีก 3 เป้เป็นยาไอซ์หนักรวม 70 กก.นอกจากนี้บริเวณที่เกิดเหตุยังพบปืนอาก้า 8 กระบอก ปืนพกสั้นแบบจีน 8 กระบอก และระเบิดขว้างของจีนแดงอีกจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ให้สัมภาษณ์หลังตรวจที่เกิดเหตุว่า ช่วงนี้มีการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศจำนวนมากเพราะมีการสั่งซื้อจากเอเย่นต์ในประเทศ และกลุ่มคาราวานขนยามีเขี้ยวเล็บทั้งอาวุธสงครามและระเบิด พร้อมที่จะปะทะกับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา สำหรับยาเสพติดลอตนี้ตามรายงานแจ้งว่าจะส่งเข้าไปให้เอเย่นต์ใหญ่ที่กรุงเทพฯ ที่ผ่านมาได้จัดกำลังจาก บช.ปส. 7 ชุดกับ ตชด.5 ชุดเข้าเสริมตามแนวตะเข็บชายแดนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงรายและ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อสกัดกั้นควบคู่กับด่านสกัด ปัญหายาเสพติดถือเป็นเรื่องใหญ่มาก  เจ้าหน้าที่ต้องทำงานในเชิงรุกและต้องจริงจัง

ฆาตกรฆ่าหั่นศพเด็กอายุราว 5 ทิ้งขยะ

พบศพหญิงตายปริศนา คาดว่าอาจจะเกี่ยวพัน กับดคีฆ่าหั่นศพ ดช.
ฆาตกรฆ่าหั่นศพเด็กอายุราว 5 ขวบหมกที่ทิ้งขยะซอยเปลี่ยวย่านตลิ่งชัน
พ.ต.ท. ประเสริฐ สีตลาศัย พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุ พบศพถูกหั่นใส่ถุงทิ้งกองขยะในซอยเปลี่ยว จึงรุดไปที่เดิดเหตุ ก่อนหมู่บ้านพิมาย ตัดถนนราชพฤกษ์? พร้อมแพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจ ในที่เกิดเหตุ พบศีรษะเป็นเด็กอายุราว 4-5 ปี ถูกวางอยู่นอกถุงดำ
ทั้งนี้ ยังพบว่าถุงดำยังไม่ได้แกะอีก 3 ถุง คาดว่าน่าจะบรรจุชิ้นส่วนมนุษย์ในส่วนที่เหลือ โดยห่างออกไปประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรองเท้า ซึ่งคิดน่าจะเป็นของผู้ตายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้สอบสวนคนเก็บของเก่าผู้พบศพเป็นคนแรก กล่าวว่า ระหว่างที่ตนกำลังเปิดถุงขยะดังกล่าวได้พบศีรษะมนุษย์ ถึงกับผงะ ก่อนที่จะแจ้งตำรวจให้ทราบ โดยไม่รู้ว่าใครนำมาทิ้ง ขณะเดียวกันบริเวณที่เกิดเหตุ ก็เป็นซอยเปลี่ยว ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา เพราะจากหมู่บ้านนี้เป็นบ้านร้าง
เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยแพทย์กำลังแกะถุงดำที่เหลือ เพื่อตรวจสอบภายในว่าบรรจุชิ้นส่วนใด โดยจะได้สืบสวนอย่างละเอียดว่าผู้ตายเป็นใครต่อไป เนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่พบเอกสารใดๆ
ล่าสุด ตรวจสอบสภาพศพ พบว่าเป็นเด็กผู้ชาย ถูกปืนยิง 4 นัด มือหาย 2 ข้าง คาดถูกทรมาน บีบบังคับเอาข้อมูลบางอย่าง ก่อนฆ่าทิ้ง

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

MV PAPARAZZI - SNSD

MV PAPARAZZI - SNSD

ฟังเพลงใหม่ล่าสุด เพลงใหม่ 

[MV] PAPARAZZI - SNSD(GIRLS' GENERATION)

สโมสรอาชีพ4ชาติแย่งตบสาวไทยเสริมทีม

สโมสรอาชีพ4ชาติแย่งตบสาวไทยเสริมทีม
สโมสรอาชีพ4ชาติแย่งตบสาวไทยเสริมทีม
"โค้ชอ๊อด" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เผย ลูกยางสาวไทยเนื้อหอมสุดๆล่าสุดสโมสรอาชีพหลายแห่งแห่ทาบทามไปเล่น ทั้งในญี่ปุ่น อิตาลี อาร์เซอร์ไบจาน และโปแลนด์ คาดได้ข้อสรุปก่อน ก.ย.นี้ พร้อมเล็งพาตบสาวไปพักเหนื่อยที่ จ.ภูเก็ต

ความเคลื่อนไหวของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย หลังคว้าอันดับ 4 ศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2012 ที่เมืองหนิงโป สาธารณรัฐประชาชนจีน ล่าสุด "โค้ชอ๊อด"นายเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงไทย เปิดเผยว่า

ตอนนี้นักกีฬาส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพักผ่อน บางส่วนติดเล่นให้ต้นสังกัดในการแข่งขันวอลเลย์บอล ชิงถ้วยพระราชทาน ก และในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ จะเรียกนักกีฬาที่ เหลือกลับมารวมตัวฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องกล้ามเนื้อด้วยการทำฟิตเนสและฝึกซ้อมอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง

โดยทีมได้คุยกันแล้ว หลังจากเหนื่อยมานาน อยากให้นักกีฬาได้พักผ่อนเยอะๆ หลังจากนี้จะหาเวลาว่างพานักกีฬาไปพักผ่อนด้วยกัน ประมาณ 5-7 วัน คาดว่าจะไปทะเลที่ จ.ภูเก็ต อาจจะเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นกันยายนนี้

เฮดโค้ชลูกยางสาวไทย กล่าวต่อว่า หลังจากจบศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2012 มีสโมสรวอลเลย์บอลอาชีพหลายแห่งแสดงความสนใจและติดต่อให้นักตบลูกยางสาวไทยไปร่วมเล่นด้วย

ส่วนตัวก็สนับสนุนและอยากให้ทุกคนได้ไปเล่นอาชีพอยู่แล้ว และได้ขอให้ ร.ท.ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ ประธานอำนวยการสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย และกรรมการบริหารสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ FIVB ช่วยประสานงานเรื่องดังกล่าวให้ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานเรื่องรายละเอียดต่างๆ

"สำหรับรายละเอียดสโมสรอาชีพที่แสดงความสนใจนั้น สโมสรในประเทศญี่ปุ่นได้ทาบทาม อรอุมา สิทธิรักษ์ และ ปลื้มจิตร์ ถินขาว
ส่วนสโมสรในประเทศอิตาลี สนใจให้ มลิกา กันทอง, อรอุมา สิทธิรักษ์ และตัวรับอิสระ ระหว่าง วรรณา บัวแก้ว หรือ ปิยะนุช แป้นน้อย ไปร่วมทีมด้วย ขณะที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน ก็สนใจจะดึงนักตบไทยไปเล่นอาชีพ ประมาณ 6-7 คนเลยทีเดียว และยังไม่รวมสโมสรในประเทศโปแลนด์ที่สนใจเช่นกัน" โค้ชอ๊อดกล่าว

นอกจากนี้หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลูกยางสาวไทย กล่าวต่อว่า ในการส่งนักวอลเลย์บอลหญิงไปเล่นอาชีพนั้น มองว่าเป็นโอกาสดี เป็นการส่งเสริมการพัฒนาการเล่นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ

โดยเฉพาะการได้เล่นกับผู้เล่นในยุโรปที่เป็นผู้เล่นระดับโลก ส่วนสโมสรอาชีพที่น่าสนใจนั้น มองว่าอาร์เซอร์ไบจานน่าสนใจมาก เพราะกระแสวอลเลย์บอลกำลังดีมาก เรื่องเศรษฐกิจก็ดี ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องค่าจ้าง แต่ที่ห่วงคือสโมสรในอิตาลี คงต้องดูเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาในการพิจารณาและตัดสินใจ เพราะตลาดอาชีพวอลเลย์บอลจะปิดการซื้อขายในช่วงเดือนกันยายนนี้

ปอย ไม่กล้าพูดแต่ง เอ็ม รอกฎหมายไทยรับรองก่อน

  • ปอย ไม่กล้าพูดแต่ง เอ็ม รอกฎหมายไทยรับรองก่อน
  • ปอย ไม่กล้าพูดแต่ง เอ็ม รอกฎหมายไทยรับรองก่อน
    ปอย ไม่กล้าพูดแต่ง เอ็ม รอกฎหมายไทยรับรองก่อน
    เรียกว่าเป็นนางฟ้าจำแลงเลยก็ว่าได้สำหรับ สาวประเภทสอง ปอย ตรีชฎา ที่ควงแฟนหนุ่ม เอ็ม พีร์ระพงษ์ ไปช่วยอุปาระเด็กพิการที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า) ปากเกร็ด จนหลายคนมองว่าทั้งคู่อยากจะแต่งงานมีลูกเป็นของตัวเองหรือเปล่า เอ็มรับคิดอยากแต่ง แต่ขอเทิร์นโปรกอล์ฟให้ได้ก่อน ซึ่งปอยเผยว่ายังไม่อยากพูดมากเพราะกฎหมายเมืองไทยยังไม่รับรอง ขอคบกันไปเรื่อยๆแบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว
    ล่าสุดควงกันมาเดินแบบหวานในงานเดินแฟชั่นโชว์ "ESPLANADE SWEET LUXURY" ผู้สื่อข่าวก็ไม่พรากขออัพเดทเรื่องแฟชั่นเซ็กซี่ที่สาวปอยเพิ่งสลัดผ้าโชว์หวิวมาหมาดๆ ขนาดเจ้าตัวยังแอบแย๊บว่าโป๊ที่สุดในชีวิต งานนี้คนข้างกายอย่างหนุ่มเอ็มจะว่าอย่างไร??
    เอ็ม: "เรื่องถ่ายแฟชั่น รู้ครับ ผมก็ไปรับ-ส่ง ไปเฝ้าครับแต่คนที่ทำงานก็รู้จักกัน"
    ได้ขอดูก่อนไหมว่าถ่ายแนวไหน?
    เอ็ม: "เข้าไปดูตอนถ่ายเลย เซ็กซี่มาก ไม่หึงครับ มันเป็นงานอีกอย่างเขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรน่าเกลียดก็รับได้อยู่แล้วครับ"
    ปอย: "อีกอย่าง "พี่ใหญ่ อมาตย์" ถ่ายให้ด้วยพี่เขาเป็นมืออาชีพจริงๆ แล้วหัวหนังสืออิมเมจก็ดีอยู่แล้ว คุณเอ็มกับปอยก็เลยไว้วางใจค่ะ"
    ต้องสแกนช่วยเลือกภาพก่อนลงไหม?
    เอ็ม: "ไม่สแกนครับ เพราะว่าพี่สไตลิสต์เก่งอยู่แล้ว"
    มีห้ามไหมว่าท่านี้โพสเยอะเกินไปแล้วนะ?
    เอ็ม: "พี่ต้องลองดู จริงๆมันก็โป๊แหละแต่ผมไม่ห้ามเพราะว่าพี่อมาตย์มือหนึ่งอยู่แล้ว เขาก็ต้องถ่ายออกมาให้ดีที่สุดและไม่ให้น่าเกลียด เขาให้เกียรติอยู่แล้วครับ"
    ปอย: "คุณเอ็มไม่ห้ามจริงๆค่ะ ถ้าเป็นหนังสือเล่มอื่นก็ห้ามไปแล้วค่ะ"
    เอ็ม: "ถ้าเป็นหนังสือเซ็กซี่อื่นก็ห้ามครับ"
    เวลาทำงานสบายใจไหม?
    ปอย: "สบายใจค่ะ เพราะว่าปอยก็ไม่ได้ถ่ายแบบเซ็กซี่บ่อย ก่อนหน้านี้ก็มีถ่ายเล่มล่าสุดแต่ถ่ายเดี่ยวแล้วก็ไม่ได้โป๊ขนาดนี้ พอมาของอิมเมจก็มีถ่ายคู่กับ "พี่โทนี่ รากแก่น" ซึ่งเรารู้จักกันมานานแล้ว ก็สบายใจในการทำงาน พี่โทนี่เองก็ดูรักแฟนมาก"
    ถามถึงเรื่องที่อุปการะเด็กพิการที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า) โดยเอ็มเผยว่า "ก็ยังไม่ได้เป็นพ่อแม่หรอกครับ แค่อุปการะเลี้ยงดูเขาเฉยๆ จริงๆไม่ได้เลี้ยงคนเดียวนะ เลี้ยงหลายคนเด็กที่นั่นมีประมาณเกือบร้อยคน"
    ปอย: "เราอุปการะ ไม่ได้ทำเป็นแบบกฎหมาย ลูกบุญธรรมชัดเจนแต่น้องๆกลุ่มนี้เราไม่สามรถพากลับบ้านได้ เพราะน้องๆจำเป็นต้องมีพยาบาลคอยดูแลตลอดเวลา ปอยเองก็มีหน้าที่ช่วยเหลือในเรื่องการเงินและความอบอุ่นค่ะ ฝากทุกคนไปช่วยดูแลด้วยค่ะ"
    ใครเป็นคนเริ่มคิดที่จะไปอุปการะน้องๆ
    ปอย: "วันแรกปอยแค่ไปทำบุญเฉยๆ พอไปเห็นคือน้องๆทุกคนจะสื่อสารกับเราไม่ได้ จำนวนคนไข้กับจำนวนคนดูแลก็ต่างกัน น้องๆเยอะมากบางคนเจ็บปวดเขาก็ต้องการคนที่ไปดูแลคอยกอด"
    เป็นเพราะคู่ของเราอยากมีลูกหรือเปล่า?
    เอ็ม: "ไม่เกี่ยวครับ เราไปเห็นว่าเขาอยากให้ความอบอุ่น ผมไปเห็นสภาพนั้นครั้งแรกก็ร้องไห้เลย"
    ปอย: "จริงๆมีคนถามปอยว่าอยากให้น้องหรือใครเรียกเราว่าพ่อแม่ไหม ไม่ต้องการแบบนั้นเลย เราไปด้วยใจจริง ไม่หวังผลตอบแทน"
    อัพหน่อยว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวดี?
    ปอย: "ยังเด็กอยู่เลยค่ะ ยังไม่คิดเรื่องนี้"
    เอ็ม: " จริงๆ ก็ (หัวเราะ) ผมเคยบอกว่ารอเทิร์นโปรกอล์ฟได้ก่อนแล้วจะแต่ง ก็มีแววอยู่นะครับ รอสิ้นปีนี้ก่อนครับ"
    ปอย: "ปอยว่าคุณเอ็มพูดเล่น"
    ปอยฝันไหมว่าอยากเป็นเจ้าสาว?
    ปอย: "รอดูอนาคตค่ะ ตลกไม่กล้าพูด อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ต้องขอคุณที่คุณเอ็มมีความรู้สึกดีๆ ต้องรอดูว่าในอนาคตคุณเอ็มจะยังมั่นคงไหม"
    ที่ไม่อยากพูดเพราะกลัวกระแสสังคมด้วยหรือเปล่า?
    ปอย: "ใช่ค่ะ ปอยบอกคุณเอ็มเสมอว่าถ้าจะแต่งงานแล้วกฎหมายยังไม่รับรอง แต่งไปก็ดูตลกดี ก็รอให้กฎหมายรับรองก่อนดีกว่า"
    เอ็ม: "ถ้าเผื่อแต่งงานบางทีเราอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ บางคนรักกันพอแต่งงานแล้วก็จะเป็นอีกแบบนึง เรื่องแต่งก็คิดอยู่แล้วแต่ก็ขอคบแบบนี้ไปก่อน ตอนนี้ก็แฮปปี้ที่สุดแล้ว"คลิกชมภาพต่อไปคลิกชมภาพต่อไปคลิกชมภาพต่อไปคลิกชมภาพต่อไปคลิกชมภาพต่อไปคลิกชมภาพต่อไปคลิกชมภาพต่อไป

    วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

    หมาพันธุ์ชิสุห์

    การดูแลสุนัขพันธ์ชิสุ

    200px-shih_tzu_portrait_show_dogลักษณะสายพันธ์

               ชิสุ เป็นสุนัขขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5 - 7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10 - 16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25 - 27 ซม. (หรือราว 10 - 11 นิ้ว) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน         ข้อบกพร่องของสุนัขพันธุ์ชิสุที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้ 

    ข้อบกพร่องของสุนัขพันธ์ชิสุ

               ข้อบกพร่องของสุนัขพันธุ์ชิสุที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้ 
               - ศีรษะแคบเกินไป
                - ฟันบนเกยฟันล่าง
                - ขนสั้น หรือขนที่ได้รับการขลิบให้สั้น
                - จมูกหรือหนังบริเวณขอบตาสีชมพู
                - ดวงตามีขนาดเล็กหรือมีสีจาง
                - ขนบาง ไม่ดกหนา
                - มุมหักตรงช่วงรอยเชื่อมระหว่างจมูกและหน้าไม่เด่นชัด

    อาหารและการเลี้ยงดู

    Spd_20080908172928_b

    อาหารที่เหมาะกับเจ้าชิสุสุดสวย ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะสุนัขมีขนยาว หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของสุนัขตัวโปรดของคุณได้            ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้ การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัย เช่น ถ้าเป็นอาหารลูกสุนัข ข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า Puppy มีโปรตีนมากกว่า เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหารสุนัขโตนิดหน่อย

              
    ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาวคือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่างๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุคือโรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของมันอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำ ความสะอาดของมันโดยเฉพาะ โรคอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน

              
    ปกติชิสุจะเป็นมิตรกับคน นิ่งและดูสงบ ดูจะเป็นสุนัขอารมณ์ศิลปินซะด้วย หลายครั้งที่พบว่ามันจะไม่เชื่อฟังเราถ้ามันไม่อยากทำซะอย่าง แต่อย่างไรก็ตามมันก็ชอบวิ่งและรักความสนุกซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออก ไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง
    ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงาม โดยเฉพาะชิสุเป็นสุนัขพันธุ์ขนยาว ที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี ขนของเขาจะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่ายๆ 
              
    ทั้งนี้ การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางาม เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
    ในขั้นแรกเราต้องแปรงขนสุนัขให้ทั่วก่อนอาบน้ำ เพื่อสางขนที่พันกันออกก่อน เพื่อที่เวลาอาบน้ำ ขนจะได้ไม่พันกัน ซึ่งจะแกะออกลำบาก จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดเล็บสุนัข ตัดเล็บเท้าทั้งสี่ข้างออกให้หมด และใช้แบตตาเลี่ยนไถขนไต้อุ้งเท้าออกทั้ง 4 ข้าง เหตุที่ต้องไถขนที่ใต้อุ้งเท้าก่อนอาบน้ำ ก็เพื่อเวลาอาบเราจะได้ทำความสะอาดได้ทั่วถึงยังไงหละค่ะ
    เสร็จแล้วเราจึงใช้แปรงหวีขนที่หางให้เรียบ แล้วจับรวบหางขึ้น และใช้แบตตาเลี่ยนไถขนบริเวณโคนหาง ที่ต้องไถบนที่โคนหางเพื่อทำให้ตำแหน่งหางสูงขั้น จึงควรพิถีพิถันตรงจุดนี้ด้วยเช่นกัน       เสร็จขั้นตอนก่อนอาบน้ำแล้ว ก็ถึงเวลาเปียกกันได้แล้ว การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ชิสุ
    ขั้นแรกใช้ฝักบัวฉีดน้ำให้ทั่ว และควรใช้น้ำอุ่นจะช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานสักหน่อย เพราะขนสุนัขพันธุ์ชิสุหนาจึงควรราดน้ำให้ทั่วจริง ๆ เพื่อเวลาฟอกแชมพูจะได้สะอาดทั่วถึง 
    จึงใช้น้ำล้างแชมพูออกให้หมด อย่าให้แชมพูหลง เหลืออยู่ มิฉะนั้นสุนัขจะคันและเกาจนเป็นแผลได้สำหรับแชมพูที่ใช้ ก็คือแชมพูที่คนใช้นี่แหละคะ ท่านใช้อย่างไหนสุนัขใช้อย่างนั้นได้เหมือนกัน เพียงแต่ท่านต้องนำแชมพูมาผสมให้เจือจางเสียก่อนเมื่อราดน้ำจนทั่วตัวสุนัขแล้วราดแชมพูที่ผสมจนเจือจางให้ทั่ว จากนั้นใช้มือลูบๆ อย่าเกา เพราะจะทำให้ขนพันกันเมื่อใช้มือลูบและนวดจนทั่วแล้ว 
    วิธีเทสดูว่าล้างแชมพูออกหมดแล้วหรือยัง
    การมองเพียงแค่ตาเปล่าว่าฟองแชมพูหมดแล้วไม่พอ เราต้องใช้มือลูบขนดู ถ้าฝึดเป็นอันใช้ได้ การฟอกแชมพู ฟอกเพียงครั้งเดียวพอ
    ขั้นตอนต่อไปนำครีมนวดสำหรับสุนัขผสมน้ำในอ่าง แล้วจึงนำสุนัขลงไปแช่ในอ่าง เหตุที่ชิสุใช้ครีมนวด เพราะครีมนวดสำหรับสุนัขจะช่วยทำให้ขนทิ้งลง  เมื่อนำสุนัขแช่ครีมนวดแล้วใช้มือวักครีมนวด ราดลงไปบนตัวสุนัขให้ทั่ว อย่าใช้มือขยี้ขนนะคะใช้ลูบๆ เอาก็พอ เมื่อแน่ใจว่าขนถูกครีมนวดทั่วถึงแล้วจึงล้างด้วยน้ำอีกครั้ง ครีมนวดนี้จะไม่ต้องล้างออกหมด จะเหลือไว้บ้าง เพราะเป็นครีมบำรุงขน การที่เราเหลือครีมนวดไว้เพราะชิสุขนจะต้องทิ้ง ครีมนวดจะช่วยขนทิ้งสลวย การล้างครีมนวดก็เพียงแค่ฉีดน้ำออกก็พอเมื่อล้างน้ำขั้นสุดท้ายแล้ว
    ใช้มือบีบขนไล่น้ำออกก่อนจะเช็ดตัว การเช็ดตัวก็ต้องมีเทคนิคด้วยนะคะ

    วิธีการเช็ดตัวใช้ผ้าเช็ดลงตามขนอย่าขยี้ เพื่อขนจะได้ไม่พันกัน
    จากนั้นก็นำมาเป่าด้วยไดร์เป่าผม ใช้แปรงช่วยแปรงโดยเริ่มจากด้านนอกก่อน เพื่อสุนัขจะได้อุ่นเพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จใหม่ๆขนของเขาก็เหมือน กับผ้าเย็นๆ ห่อตัวเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงควรไดร์ขนข้างนอกให้แห้งก่อนเพื่อช่วยให้เขาอุ่นขึ้น
    สุนัขที่ยังเล็ก ๆ เราเริ่มไล่ตั้งแต่หัวไปก่อน เพื่อความสะดวก จากนั้นก็ไล่ไปเลื่อยจนสุดปลายหาง แต่ตัวใหญ่จะไล่จากหางไปหัว เวลาทำก็จะแบ่งซีกทำทีละครึ่งตัว และต้องแบ่งขนตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งจริงแล้วตามธรรมชาติขนของชิสุจะแสกกลางเอง เพราะขนเขามีน้ำหนักพอที่จะแบ่งเองได้ แต่จะสวยสู้เราแบ่งให้เขาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ได้
    หลังจากไดร์พร้อมกับใช้แปรงช่วยแปรงให้ขนด้านนอกแห้งหมาดๆ ทั่วตัวแล้ว เราจึงเริ่มแปรงอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเริ่มจากลำตัวด้านซ้ายของสุนัขก่อน แต่จริงๆ แล้วเราจะเริ่มทำจากด้านไหนก่อนก็ได้ แต่เหตุผลที่เราควรเริ่มจากด้านซ้ายก่อน เพราะด้านซ้ายเป็นด้านที่เราใช้โชว์ให้กรรมการเห็นเวลาโพส์ทท่าในสนามประกวด ด้านซ้ายนี้เราจึงพิถีพิถันมากหน่อยใช้มือเปิดขนขึ้นเป็นชั้น ใช้แปรงๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับใช้ไดร์เป่าจนแห้งถึงชั้นในสุด
    จากนั้นก็จับสุนัขยืนขึ้นและใช้แปรงๆ ขนลง ทำเช่นเดียวกันกับทางด้านขวา และเริ่มเป่าขนบริเวณด้านหน้าให้แห้ง พร้อมกับใช้แปรงช่วยแปรงจากนั้นมาเป่าใต้ท้องให้แห้ง เมื่อแห้งทั่วตัวแล้วจึงใช้หวีที่หางยาวแสกขนกลางลำตัวให้ตรง เริ่มจากก้นจนถึงหัวแล้วแปรงขนทั้งสองข้างให้เรียบเท่ากัน จึงจะลงมือตัดขนที่ยาวเกินพื้น ที่บริเวณเท้าทั้งสี่ข้างให้เสมอกับเท้าสุนัข  ใช้มือลูบขนลงและจับขนบริเวณขารวบแล้วให้กรรไกรค่อย ๆ ตัดแต่งให้เสมอกับฝ่าเท้า ขนที่เท้าควรตัดให้กลมไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปและระวังแหว่งด้วยนะคะ
                    เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วก็ใช้หวีๆ ขนที่หน้าฝากขึ้นและแสกขนบริเวณหนวดให้สวยงาม จากนั้นจึงใช้ยางมัดขนมัดจุก ถ้าตัวไหนมีขนบริเวณนี้เยอะ ก็จะแบ่งมัดเป็นสองจุกแล้ว จึงมัดรวบรวมกันเป็นจุกเดียวอีกทีหนึ่ง แต่ถ้าตัวไหนขนน้อยก็มัดเป็นจุกเดียวก็พอ แหละนี้คือการสาธิตถึงแค่ขั้นตอนการดูแลรักษาขนแต่ยังไม่สาธิตวิธีการแต่งจุกเพื่อการประกวดถ้ามีโอกาสเราจะนำมาแนะนำอีกครั้งหนึ่ง  
                 สำหรับวิธีการเก็บขนสุนัขที่โตแล้วมีขนที่ข้างแก้มและขนที่กลางศีรษะยาว เราก็มีวิธีการรักษาขนส่วนนี้ไม่ให้พันกันโดยการมัดยางรวบไว้
       หรืออาจจะใช้กระดาษห่อขนไว้ ส่วนขนที่กลางศีรษะก็ใช้กระดาษห่อแล้วพับทบไปมา เมื่อท่านจะแกะยางออกจากขนก็ให้ใช้กรรไกรตัดอย่าเอามือดึงออกมาเพราะขนจะขาดหมด สำหรับการอาบน้ำให้อาบอย่างน้อยห้าวันครั้งแต่ต้องแปรงขนทุกวัน

    แปรงสำหรับแปรงขน

    โรคและวิธีการป้องกัน

                 โรคตาแห้ง เป็นโรคที่มักเกิดกับสุนัขพันธุ์ชิสุ เพราะมีดวงตากลมโต ลูกตาเปิดกว้าง ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกับดวงตาด้วย ทั้งนี้ อาการของโรคตาแห้ง  แห้ง คือน้ำตาน้อย ก็ต้องรักษาด้วยการหยอดตาต่อเนื่อง อาจจะนานๆครั้ง หรือไม่ก็ตลอดชีวิต สำหรับการดูแลรักษา อย่างแรกเลยผู้เลี้ยง ควรเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโดยเฉพาะ และเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกตาให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะ ถ้าทิ้งไว้นาน อาจทำให้ติดเชื้อ แก้วตาละลาย ถึงขั้นตาบอดได้ อีกอย่างถ้าพามาตั้งแต่แรกเริ่มก็จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่สูงมากนัก

               โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ ส่วนใหญ่เป็นการอักเสบของช่องหูภายนอกที่เรียกว่า "otitis externa" เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาการของสุนัขที่ป่วยหูอักเสบ ได้แก่ มีกลิ่นเหม็น ชอบเกาหู หรือเอาหู (หัว) ไปถูกับวัตถุ ช่องหู หรือใบหูมีสีแดง หรือบวม ในบางตัวอาจมีสิ่งคัดหลั่งออกมาจากช่องหู ฯลฯ

               สำหรับวิธีการป้องการที่ดีที่สุด คือการรักษาความสะอาด ควรตรวจสอบช่องหูของสัตว์เลี้ยงทุกสัปดาห์ สุนัขบางตัวมีขี้หูน้อย บางตัวก็มีมาก แตกต่างกันไป ควรใช้สำลีหรือผ้านิ่มๆ เช็ดบริเวณรูหูส่วนนอก และใบหูเป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ถ้าพบว่าสุนัขของคุณสะบัดหู หรือเกาหูบ่อย ก็ให้นำไปพบสัตวแพทย์ เพราะอาจมีแมลงเข้าหูหรืออาจเกิดโรคหูอักเสบขึ้น
    นอกจานี้ ชิสุ ยังมีโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต โรคผิวหนัง และไส้เลื่อน ทางที่ดีผู้เลี้ยงควรฉีดวัคซีนให้สุนัขตามกำหนดให้ครบ และใส่ใจเรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย และหากผิดความผิดปกติใดๆ ก็ตามควรรีบพาสัตว์เลี้ยงแสนรักไปพบแพทย์เพื่อได้รรับการวินัจฉัยและการรักษาที่ตรงจุดต่อไป